การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมไทย
การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมไทย
การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมไทย
ดังที่กล่าวมาแล้วว่าวัฒนธรรมไทยมีเอกลักษณ์เฉพาะและเป็นระเบียบแบบแผนชี้นำแนวทางความประพฤติและการปฏิบัติต่อกันในสังคมมาช้านาน
แต่สังคมไทยก็ไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับที่หรือตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว แต่กลับมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อันเป็นผลมาจากปัจจัยภายในเช่น การเปลี่ยนแปลงจำนวนประชากร สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่เปลี่ยนไป แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม และปัจจัยภายนอก ได้แก่
การแลกเปลี่ยนและการหยิบยืมวัฒนธรรมจากสังคมอื่น
รวมทั้งอิทธิพลของโลกยุคโลกาภิวัตน์ที่ทำให้สังคมไทยมีการเปลี่ยนแปลงเรื่อยมาซึ่งสามารถจำแนกการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมไทย ออกได้เป็น
2 ช่วง ดังนี้
4.1อิทธิพลของชาติตะวันตก
4.1อิทธิพลของชาติตะวันตก
วัฒนธรรมดั้งเดิมของไทยผูกพันกับวัฒนธรรมอินเดียและจีน
โดยได้มีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับบริบทหรือสภาพแวดล้อมของสังคมไทย โดยได้หยั่งรากฝังลึกในรูปแบบของความคิด ความเชื่อ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พิธีกรรม
อาหาร มารยาท
และการดำเนินชีวิตอย่างแน่นแฟ้นจนถึงสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์อิทธิพลของชาติตะวันตก (ยุโรปและอเมริกา)
ได้แผ่ขยายเข้ามาครอบคลุมไปทั่วทวีปเอเชียและทั่วโลกในฐานะนักล่าอาณานิคม ทำให้อินเดียตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษและจีนฝ่ายแพ้สงครามฝิ่นกับอังกฤษ
ในขณะเดียวกันชาติยุโรปก็ได้เข้ายึดครองประเทศต่าง ๆ ทั่วทวีปเอเชีย
ดังนั้น
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบาทสมเด็จพระจุลลอมเกล้าอยู่หัวจึงทำการปฏิรูปและพัฒนาบ้านเมือง เพื่อให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศและเพื่อให้รอดพ้นจากการคลุกคามของชาติจักรวรรดินิยมที่จะเข้ามายึดประเทศไทยเป็นเมืองขึ้น
การปฏิรูปและการพัฒนาประเทศในครั้งนั้นได้นำเอาวัฒนธรรมของชาวยุโรปเข้ามาใช้ในแทบทุกส่วนของการดำเนินชีวิต และใช้ทับซ้อนกับวัฒนธรรมดั้งเดิมของไทย ก่อให้เกิดการผสมผสานระว่างวัฒนธรรมขึ้น
โดยผู้คนจะรักษาและยึดถือทั้งที่เป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมและวัฒนธรรมของชาติตะวันตก
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาประเทศไทยรับความรู้ ความคิด และวิทยาการแผนใหม่ของชาวตะวันตกมามากมาย อันได้แก่
การพิมพ์ การแพทย์ การศึกษา
ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การคมนาคมขนส่ง การปกครอง
การแต่งกาย เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านการแพทย์หมอบรัดเลย์ได้นำการแพทย์สมัยใหม่เข้ามารักษาคนไทย
มีการตั้งโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษและวิทยาการแผนใหม่โดยคณะมิชชันนารีเมื่อปี
พ.ศ. 2395 คือ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนในปัจจุบันรวมทั้งได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในสังคมที่สำคัญของประเทศไทย
นั่นคือการเลิกทาสในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าอยู่หัวอีกด้วย
อาจกล่าวได้ว่า
การที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าอยู่หัวได้เสด็จประพาสประเทศต่างๆในยุโรปหลายครั้ง เพื่อผูกมิตรกับชาติมหาอำนาจต่างๆ นั้น
ก่อให้เกิดผลดีต่อฐานะของประเทศในหมู่ประชาคมโลก
เพราะทำให้ไทยเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่รอดพ้นจากการตกเป็นอาณานิคม
การปฏิรูปประเทศตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4
เป็นต้นมา
ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมและชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยในด้านต่างๆ
มากมาย
วัฒนธรรมทั้งที่เป็นวัตถุและอวัตถุแตกต่างจากที่เคยเป็นอยู่มาแต่เดิม
เกิดค่านิยมใหม่ที่เน้นความรู้ทางวิทยาศาสตร์มากขึ้นมีการใช้สินค้าเครื่องอุปโภคบริโภคที่หลากหลาย
และดำเนินชีวิตแบบสมัยใหม่มากขึ้น
4.2การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
นับตั้งแต่ประเทศไทยประกาศใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ 1 ในปี พ.ศ.2504 เป็นต้นมา
ประเทศไทยเปลี่ยนเป้าหมายของประเทศชาติเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นตัวหลัก
จึงได้เร่งรัดให้ทุกภาคส่วนของสังคมสร้างผลผลิตให้มากขึ้น มีการนำเทคนิค และ
วิทยาการจากประเทศตะวันตกมาปรับใช้อย่างกว้างขวาง
ขยายโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน
ท่าเรือ ไฟฟ้า ตลอดจนการปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนในทุกระดับชั้น โดยเน้นการพัฒนาความรู้ ทักษะ
เพื่อการพัฒนาประเทศเป็นสำคัญ
ในขณะเดียวกันวัฒนธรรมของไทยก็ต้องปรับให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โดยยึดหลักความมีประสิทธิภาพประสิทธิผลของการดำรงชีวิต
ความสะดวกสบายแต่การพัฒนาในลักษณะดังกล่าวก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอัตราที่ไม่เท่ากัน
เช่น
การพัฒนาทางเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไปเร็วกว่าการเปลี่ยนแปลงทางด้านครอบครัว จนก่อให้เกิดภาวะล้าหลังทางวัฒนธรรม (culture
lag)
และกลายเป็นปัญหาทางสังคมขึ้นมา
ซึ่งปัญหาสังคมที่พบเห็นทั่วไป
ได้แก่การหย่าร้างสูงขึ้น
เด็กและผู้สูงอายุถูกทอดทิ้งเพราะคนวัยแรงงานไปทำงานต่างถิ่น
ครอบครัวที่มีฐานะปานกลางมีปัญหาพ่อแม่ไม่มีเวลาให้ลูก
ทำให้เด็กขาดความอบอุ่นและหาทางออกของชีวิตอย่างผิดๆ เช่น
ติดยาเสพติดมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร เป็นต้น
นอกจากนี้
การเปลี่ยนจากสังคมชนบทเป็นสังคมเมือง
ส่งผลให้วิถีชีวิตของคนในสังคมปรับเปลี่ยนไป
มีลักษณะต่างคนต่างอยู่ ขาดปฏิสัมพันธ์ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ทั้งในระดับครอบครัวและชุมชน
ดังนั้น
ตั้งแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2540
– 2544) เป็นต้นมา
จึงได้มีการปรับเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาประเทศ
โดยหันกลับมามุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพของคนไทย ดึงเอาวัฒนธรรมและภูมิปัญญาที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์
แทนการนำวัฒนธรรมของสังคมอื่นมาใช้โดยไม่ไตร่ตรองอย่างรอบคอบว่าสิ่งใดเหมาะสมกับบริบทของสังคมไทยดังเช่นในอดีตที่ผ่านมา
สังคมไทยมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาในทุกๆ
ด้านตลอดเวลา
ทำให้สภาพสังคมเปลี่ยนแปลงไปจกเดิมมาก
โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร
และเมืองใหญ่ๆ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา นครราชสีมา เป็นต้น
การดำเนินชีวิตของคนในสังคมก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นเดียวกันเพราะคนในกรุงเทพมหานครและเมืองใหญ่ๆ
ต่างใช้
ชีวิตด้วยความเร่ารีบ
ขาดการปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันของคนในครอบครัวและคนอื่นๆ ในสังคม แผนพัฒนา ฯ
ฉบับนี้จึงได้เน้นการพัฒนาศักยภาพของคนไทยมากกว่าที่ผ่านมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น